เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ เม.ย. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราเกิดมากับโลก เราอยู่กับโลกนะ แล้วจะชักนำให้โลกมาสนใจเรื่องธรรมะนี้แสนยาก แสนยากเพราะอะไร เพราะโลกเป็นทุนนิยม สิ่งที่ทุนนิยมมันจะประสบความสำเร็จทางโลกใช่ไหม การแข่งขัน ใครประสบความสำเร็จ คนนั้นมีชื่อเสียง มีกิตติศัพท์กิตติคุณ นั่นกิตติศัพท์กิตติคุณทางโลกไง แล้วชักนำมาให้สนใจเรื่องศาสนา ศาสนาเลยกลายเป็นโลกไปเลย ศาสนากลายเป็นโลก แล้วศาสนาก็กลายเป็นทุนนิยมไปด้วย ศาสนากลายเป็นสินค้าไปด้วย ถ้ากลายเป็นสินค้าไป สินค้าคือการแลกเปลี่ยนนะ การซื้อขายการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจกัน เอาผลประโยชน์กัน

แต่เวลาธรรมะๆ เราเอาสัจจะ เอาความจริงของเรา เห็นไหม ถ้าสัจจะ โลกามิสๆ แม้แต่โลกนะ แม้แต่มาบวชเป็นพระ อยู่กับพระ โลกเข้ามายังหวั่นไหวไปกับมัน โลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ อยากมียศถาบรรดาศักดิ์กัน ถ้าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ก็อยู่กับโลกเขาสิ โลกเขามียศถาบรรดาศักดิ์ แต่เดี๋ยวเขาก็เกษียณ พอมาเป็นพระ เป็นพระขึ้นมาจะเป็นผู้นำของเขาก็เป็นโลกามิส เห็นไหม โมฆบุรุษตายเพราะลาภ ลาภสักการะทำให้คนนั้นเสื่อมถอยไป ใครมาถวายลาภสักการะ หัวใจมันสั่นไหว มันจะไปกับเขา แล้วมันจะทำอย่างไรล่ะ มันจะเป็นผู้นำเขาได้อย่างไร

ถ้าผู้นำของเขามันต้องมีจุดยืนของเราใช่ไหม ธรรมเหนือโลกๆ มันเหนือโลกอย่างไรล่ะ มันต้องเหนือโลกสิ ถ้าไม่เหนือโลกมันจะทิ้งโลกมาได้อย่างไร

โลก เห็นไหม โลกทัศน์ ความเห็นของเรา เรื่องของโลกๆ ทั้งนั้นแหละ เรื่องโลก เราเกิดมากับโลกนะ เราเกิดมาจากพ่อจากแม่ แล้วเรามีกรรม ถ้ามีกรรม จิตนี้มันถึงปฏิสนธิในไข่ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ กำเนิด ๔ ถ้าไม่มีกำเนิด ๔ ไม่มีบุญมีกรรมมันจะมากำเนิดได้ไหม คนมีลูกยากนะ อ้อนวอนร้องขอแล้วร้องขออีก มันไม่ได้ไง ไอ้คนทุกข์คนจน ลูกหัวปีท้ายปี ลูกเป็นพรวนเลย คนไม่ต้องการทำไมมันเกิดมหาศาลอย่างนั้น เพราะอะไร เพราะจิตที่มันทำบุญกุศลมันได้ขณะนั้น

จิตที่ทำคุณงามความดี เห็นไหม ดูสิ เราเสียสละคุณงามความดีมาทำบุญกัน คนทำบุญเขาทำบุญด้วยน้ำใจของเขานะ เขาวางแล้วเขาไม่สนใจเลย ไอ้คนทำบุญเอาหน้าเอาตา ยืดเยื้ออยู่นั่นน่ะ นี่ไง มันไม่เท่ากันไง ทำบุญด้วยกันมันยังไม่เหมือนกันเลย แล้วเวลาที่ปฏิสนธิจิต บาลานซ์นะ เวลาทางวิทยาศาสตร์ ทางจิตแพทย์ เขาบอกว่าเวลาเราตั้งครรภ์ต้องทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ร้องเพลงให้ลูกฟังๆ

แต่ในทางธรรมนะปฏิสนธิจิต ปฏิสนธินั่นแหละมันบาลานซ์ด้วยบุญด้วยกรรมระหว่างพ่อกับแม่กับลูก ถ้าจิตใจเราชื่นบาน จิตใจเรามีความสุขนะ ลูกของเราเกิดมาจะชื่นบาน ถ้าจิตใจของเรา เราเศร้าสร้อยเหงาหงอย มันวัดกันที่นี่ไง ผลบุญผลกรรมมันวัดกันที่หัวใจนี้ไง หัวใจมันปฏิสนธิ ปฏิสนธิในครรภ์ใช่ไหม พอปฏิสนธิในครรภ์ เราก็มาเปิดเพลงให้มันฟังใช่ไหม เราจะมารักษาสุขภาพใช่ไหม

แต่ตอนที่มันปฏิสนธิตรงนั้นสำคัญมาก สำคัญอย่างไร เพราะว่าสิ่งที่เวียนว่ายตายเกิด ผลของวัฏฏะ นี่ผลของโลก เราเกิดมากับโลก พอเกิดมากับโลก มนุษย์สมบัติ ถ้าเราไม่เกิดมากับโลก เราจะเกิดมาได้อย่างไร จิตมันมีสถานะอย่างไร จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วมันอยู่สถานะไหนล่ะ

พอสถานะของมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนามีกายกับใจ ร่างกายนี้บีบคั้นนะ ร่างกายนี้บีบคั้น เพราะเรามีร่างกายนี้ เราถึงต้องมีสถานะใช่ไหม จะมีชื่อเสียง มีกิตติศัพท์กิตติคุณเพราะมีเราใช่ไหม เพราะมีเรา แล้วมีเราได้อย่างไรล่ะ ถ้าไม่มีจิต ปฏิสนธิจิต ดูสิ ประจำเดือนมันขับทิ้งทุกวัน ทุกสิ้นเดือนมันขับทิ้งๆ ทำไมเวลาสเปิร์มเข้าไป ทำไมปฏิสนธิในไข่ใบนั้นล่ะ แล้วไข่ใบนั้นก็มานั่งเป็นเราอยู่นี่ไง ถ้านั่งอยู่นี่ มันมาจากไหน มันมาจากไหน

นี่เรื่องโลก พอเกิดมาบนโลก วิทยาศาสตร์ ถ้าใครพิสูจน์เรื่องนี้ ใครมีปัญญาอย่างนี้ ทางการแพทย์ถ้าใครมีความชำนาญ เห็นไหม มือทองเลยนะ มือทองที่เขาผสม มือทองเขาจะได้เงินได้ทองเลย นั่นมือทองของเขา แต่เขาก็ต้องตายไป ทิ้งทางวิชาการไว้กับโลกนี้ ให้โลกต่อยอดกันสืบต่อไป

แต่บุญกรรมของเราล่ะ จิตที่มันจะมีเวรกรรมที่พึ่งอาศัยของมันไปล่ะ เราจะน้อมให้โลกเข้ามาสนใจเรื่องธรรม ถ้าเราน้อมให้โลกเข้ามาสนใจเรื่องธรรมมันแสนยาก เวลามาประพฤติปฏิบัติ เรามาวัดมาวา มาปฏิบัติกัน ถ้าเราปฏิบัติ เห็นไหม โลกามิสๆ เวลาปฏิบัติแล้วก็อยากให้คนยอมรับ ปฏิบัติแล้วก็อยากให้คนชื่นชม แล้วเราทำไมไม่ปฏิบัติเพื่อสมาธิของเราล่ะ เราไม่ปฏิบัติเพื่อหัวใจที่มันผ่องแผ้วในใจของเราล่ะ

ถ้าหัวใจมันผ่องแผ้ว เห็นไหม มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา แล้วเกิดปัญญาขึ้นมานะ คนที่มีปัญญาภาวนามยปัญญา ท่านจะคุยกับครูบาอาจารย์ของท่าน ท่านจะคุยในวงกรรมฐานของท่าน เพราะอะไร เพราะมันพูดภาษาเดียวกัน เราไปพูดกับคนอื่นเขาไม่เข้าใจหรอก เขาดูถูกเหยียดหยามด้วย เพราะอะไร เพราะเราไม่มีประกาศแขวนไว้เต็มบ้านไง คนที่เขามีการศึกษา เขามีใบประกาศแขวนไว้เต็มบ้านเลย เขาบอกว่าเขามีความรู้ๆ ความรู้เขาก็ต้องตายเปล่าไปไง

แต่ถ้ามันมีภาวนามยปัญญาขึ้นมา เพราะพูดกับเขาไม่ได้ เพราะพูดกับเขาแล้วเขาจะเข้าใจได้อย่างไร มันคนละภาษา ภาษาที่สื่อกันไม่เข้าใจไง

ภาษาของใจ เห็นไหม เวลาเทวดา อินทร์ พรหมมาฟังเทศน์ครูบาอาจารย์เรา ฟังเทศน์ทางไหนล่ะ เวลาฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ท่านสื่อกันภาษาอะไรล่ะ? ภาษาใจๆ เห็นไหม เราไม่มีภาษาใจ แต่เวลาคนละภาษามาเจอกันใช้ภาษาใบ้ ใช้ภาษามือเพื่อสื่อกันให้เข้าใจไง พอสื่อเข้าใจ ก็ความเข้าใจของโลก มันก็โลกามิสทั้งนั้นแหละ

แต่ความเข้าใจของธรรมนะ เพราะธรรมมันโดนปิดตาไว้ด้วยพญามาร มันโดนปิดตาไว้ด้วยอวิชชา มันโดนปิดตาด้วยความไม่รู้ ความไม่รู้ เห็นไหม โลกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ พลั้งเผลอ ความไม่รู้ ความไม่รู้อันนั้นอวิชชามันปิดตามันไว้ พอปิดตาหัวใจนี้ไว้ แล้วเราพยายามจะค้นคว้าค้นหาของเรา ค้นหามาจากไหนล่ะถ้ามันไม่มีภาษาธรรม ถ้าภาษาธรรมมันจะเข้าสู่หัวใจอันนี้ ถ้าเข้าสู่หัวใจอันนี้เราต้องทำแบบนี้ไง

ถ้าพูดถึงเราปฏิบัติโดยโลกามิส โลกามิสทำให้เราเสียหายนะ โลกามิส ดูสิ ทางโลกเขาก็ต้องการอยู่ในโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เขาต้องการลาภยศสรรเสริญของเขาเพื่อการยอมรับของสังคม แต่เราไม่มีการยอมรับของธรรมเลย

ความเป็นสัจธรรมในหัวใจ ความยอมรับอันนี้ถ้ามันเกิดขึ้นนะ ถ้ามันเป็นสมาธิ มันมีความร่มเย็นของมัน ความร่มเย็นอันนี้จะไปหาซื้อได้ที่ไหน? มันหาซื้อไม่ได้ ทางโลกเขามีพิมพ์เขียวของเขา จะทำสิ่งใดของเขา เขาอ่านแบบแปลนของเขา แล้วเขาหาวัตถุก่อสร้างอันนั้นมาเพื่อประกอบสิ่งนั้น

แล้วเราทำสมาธิ ดูในปัจจุบัน การปฏิบัติธรรม ผู้ที่มีปัญญา มรรค ๘ มีสมาธิเท่าไร มีธรรมเท่าไร คิดกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ

แต่เวลาทำความสงบของใจนะ คนที่หยาบกระด้าง เวลาทำขึ้นมามันต้องใช้กำลังที่รุนแรงขึ้นมา คนที่อ่อนนุ่มนวล จิตใจนี้นุ่มนวล จิตใจที่ผ่องแผ้ว เวลาปฏิบัติมันก็ง่ายขึ้น ความง่ายขึ้นของเขา เพราะว่าจิตใจของเขามันไม่มีแรงต้านจนเกินไปนัก เวลาเขาปฏิบัติของเขาไป ถ้าจิตเขาสงบได้ ความสงบอันนั้น ถ้าสงบแล้วเป็นส้มหล่น มันเกิดมาโดยฟลุก เกิดมาโดยบารมี สิ่งนี้เราบริหารจัดการไม่ได้ ถ้าบริหารจัดการไม่ได้ แต่เราเคยลิ้มรสของมันอย่างนั้น เราก็มาตั้งสติของเรา กำหนดพุทโธของเรา ใช้ปัญญาอบรมสมาธิของเราบ่อยครั้งขึ้นๆ

การบ่อยครั้งขึ้น เช่น เราทำงาน หน้าที่การงานมั่นคง เราจะมีผลประโยชน์ตอบแทนตลอดไป เลี้ยงชีวิตเราได้ ถ้างานของเรา เราทำชั่วคราว เราจ้างงานชั่วคราว เวลาเราตกงาน เราเอาเงินที่ไหนใช้ นี่ก็เหมือนกัน จิตใจของเราถ้ามีเหตุมีผล มีสติ มีคำบริกรรมหล่อเลี้ยงมันบ่อยครั้งเข้าๆ ถ้ามันสงบเข้ามา ชำนาญในวสี มันต้องชำนาญในวสี ทำให้มันมั่นคงขึ้นมา ทำให้จิตใจมันมีกำลัง มีความมั่นคงขึ้นมา

แล้วถ้ามันออกทำงาน มีกำลังแล้ว คนมีกำลัง คนมีศักยภาพ เราจะไม่ใช้สอยสินค้าที่ด้อยคุณภาพ เราจะใช้สินค้าที่สมกับราคา นี่ก็เหมือนกัน จิตใจที่มันมีศีล สมาธิ ปัญญาของมัน มันเลือกไง เลือกไม่ให้จิตใจเสพอารมณ์ที่เป็นทุกข์ ไม่เลือกเสพอารมณ์ที่มันมีความเคลิบเคลิ้ม ที่หลงใหลไป ไม่เลือกเสพอารมณ์อย่างนั้นน่ะ เพราะอะไร เพราะมันมีกำลังของมัน นี่ชำนาญในวสี เรารักษาจิตของเราเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ฝึกหัดใช้มันไป

ฝึกหัด ดูสิ ประสบการณ์ทำงานของคน มันต้องมีประสบการณ์ทำงานของคน จิตของเราถ้าไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนา ไม่มีประสบการณ์ในการวิปัสสนา มันจะเอาปัญญามาจากไหน ปัญญาที่ภาวนามยปัญญา เราศึกษากันมาในตำราๆ มันก็เป็นตำราขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัญญาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามให้เรารื้อค้น ให้เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ท่านต้องการให้รู้จริง รู้จริงขึ้นมา รู้จริงด้วยการประพฤติปฏิบัติ รู้จริงด้วยประสบการณ์ของจิตไง ถ้าจิตมันปฏิบัติ มันเป็นความจริงขึ้นมา มันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญานี้มันสำรอก มันคายของมันออก

ถ้ามันคายออกแล้วนะ สมบัติบ้า เราบ้ายึดติดเอง แค่พอมันปล่อยนะ มันปล่อยแล้วมันก็จบ ถ้ามันไม่ปล่อยนะ ไม่ปล่อยก็เกิดเป็นทิฏฐิ ทิฏฐิเกิดเป็นทิฏฐิมานะ เกิดทิฏฐิมานะก็เอาทิฏฐิมานะคะคานกัน จะเอาแพ้เอาชนะกัน มันเป็นสมบัติบ้าทั้งนั้นเลย มันสมบัติบ้าทั้งนั้น แต่ถ้ามันไม่มีปัญญามันก็ยังบ้าอยู่ แล้วพอใจจะบ้า แล้วอยากบ้าด้วย ก็กลัวเขาไม่ยอมรับ

แต่พอมีสติปัญญา มันถอดถอนขึ้นมานะ มันถอดถอนสมบัติบ้าของมันออกแล้ว มันมีความเมตตานะ มันสังเวชตัวเอง มันสังเวชนะ ของแค่นี้ทำไมมันทำให้เราทุกข์ยากขนาดนี้ แล้วของอย่างนี้มันก็มีอยู่ในทุกดวงใจทั้งนั้นแหละ แล้วทุกดวงใจเขาก็คิดอย่างนี้ แล้วทุกดวงใจมันก็ฟาดฟันกันอยู่อย่างนี้ แล้วเราก็มองเขาสิ พอมองแล้วมันเกิดธรรมสังเวชไง มันสังเวชนะ ทิฏฐิมานะที่ฝังอยู่ในหัวใจนั่นน่ะ บ้าอยู่คนเดียว บ้าว่าตัวเองคิดดี คิดแน่ คิดถูก แล้วก็จะบังคับให้คนอื่นยอมความคิดของตัว แล้วคนอื่นก็มีทิฏฐิมานะเหมือนเรา เขาจะยอมไหม

เขายอมเพราะอิทธิพล ยอมเพราะเรามีกำลังที่กดขี่เขา แต่ใจเขาไม่ยอมหรอก ไม่มีใครยอมใคร ไม่มี

แต่ถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจนะ เราสำรอกคายของเราออกแล้วนะ มันสังเวชไง มันเกิดธรรมสังเวช สังเวชตัวเอง ไม่สังเวชคนอื่น สังเวชเรานี่ สังเวชหัวใจนี่ ทำไมมันโง่ได้ขนาดนี้ ทำไมมันบ้าได้ขนาดนี้ เพราะมันบ้าอย่างนี้มันถึงได้มาเวียนว่ายตายเกิดไง แต่ถ้ามันสำรอก มันคายของมันออกนะ คายออกเพราะอะไรล่ะ คายออกเพราะเรารู้เองนะ ไม่มีใครบังคับ

แม้แต่เราอยากได้อยากดี โลกามิสๆ ปฏิบัติให้เขายอมรับ ปฏิบัติให้เขานับถือศรัทธา ปฏิบัติเพราะต้องการให้คนอื่นยอมรับ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ความจริง ถ้าต้องการยอมรับมันก็เป็นโลกามิส เป็นเรื่องโลก ไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องจริง เราปฏิบัติ ถ้าเป็นสมาธิ เราใช้สติปัญญาแค่ไหนกว่ามันจะสงบระงับได้ แล้วถ้าเราพลั้งเผลอขึ้นมา มันฟุ้งซ่าน มันเสื่อมของมันไป เรามีสมบัติแล้วสมบัตินั้นมันสูญหายไป เราทุกข์ยากขนาดไหน

เราพยายามขวนขวายเอามันกลับมา กว่ามันจะเอากลับมาได้ พอเอามันกลับมาได้นะ มันตั้งมั่นของมัน แล้วออกฝึกหัดใช้ปัญญา มันใช้ปัญญาขนาดไหน กว่ามันจะสำรอก มันจะปล่อยวางเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา ปล่อยวางจนมีความชำนาญ ชำนาญจนสมุจเฉทปหาน เราทำอย่างนี้ เราล้มลุกคลุกคลานมาแค่ไหน มันเห็นไง มันรู้มันเห็นของมัน ถ้ามันรู้มันเห็นของมัน มันสังเวชนะ

ถ้ามันสังเวช สังเวชเพราะอะไร สังเวชเพราะการทำ เราเอาชีวิตนี้แลกมา แล้วเขาจะยอมรับไหม เขาเชื่อไหมล่ะ ไม่มีใครเชื่อหรอก เพราะคนเรามันหน้าไหว้หลังหลอก เวลาพูด เห็นไหม มนุษย์เป็นสัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง เวลามันคิด คิดอะไรร้อยแปดเลย เวลาพูด พูดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นแหละ เวลาทำจริงๆ ทำไม่ได้ เวลาใช้สมาธิมันก็จะนอน เวลาบอกว่าจะนอน มันบอกอยากภาวนา มันจะนอนอยู่นะ มันนอนอยู่มันอยากภาวนา พอให้ภาวนามันบอกภาวนาไม่ไหว มันจะนอนอีกแล้ว นี่ทำไม่ได้ สัตว์ประหลาด คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง

มีศีลซะ มีศีล ให้ซื่อสัตย์กับตน ไม่โกหกตัวเอง ไม่ต้องไปโกหกคนอื่นหรอก ไม่โกหกตัวเองนี่แหละ ตัวเองตั้งสัจจะ อยากทำดีอย่างไรให้ทำซะ หลวงตาท่านพูดบ่อยนะ ก่อนเข้าพรรษา วันเข้าพรรษาอธิษฐานว่าอย่างน้อยตักบาตรพระ ๑ องค์ก็ยังดีต่อวัน องค์เดียวก็พอ ทำให้ตลอดพรรษา การทำตลอดพรรษาคือการฝึกหัด การฝึกหัดคนให้เสมอต้นเสมอปลาย การฝึกหัดหัวใจเราให้มีหลักมีเกณฑ์ ไม่ใช่ปล่อยให้มันหลอกเราอยู่ทุกวัน แล้วว่าตัวเองฉลาดๆ ให้มันหลอกทุกวัน “ทำไม่ได้ ไม่มีเวลา เราไม่มีโอกาส” นี่ให้มันหลอก ให้มันหลอกไป มันก็เลยเป็นโลกามิสไปซะ ให้โลกเป็นใหญ่ ให้ความคิดเป็นใหญ่ ให้กิเลสเป็นใหญ่ ให้มันขี่หัวเรา

แต่ถ้าเรามีสติปัญญา สิ่งที่เราจะทำ บังคับตัวเองให้ทำเสมอต้นเสมอปลาย ฝึกหัดไง การทำเสมอต้นเสมอปลาย เราทำเป็นเรื่องโลก เราทำเรื่องสิ่งที่เป็นวัตถุ แต่เราฝึกหัดใจของเรา พระเรามีข้อวัตร ข้อวัตรปฏิบัติเพื่อฝึกหัดไง ก็ของเล็กน้อย ก็ของใช้สอยประจำวันนี่แหละ แต่ถ้ามันสุรุ่ยสุร่าย มันใช้โดยที่ว่าของเล็กน้อยๆ ของเล็กน้อยทำให้จิตใจนี้เสียหาย ทำให้จิตใจมักง่าย ให้คนมักง่าย ให้คนเห็นแก่ตัว แล้วคนที่ใจเขาละเอียด เขาเห็นแล้วเขารับไม่ได้ เขารับไม่ได้เขาก็เก็บกวาดให้ ทำให้ แล้วทำทุกวันๆ เขาเบื่อหน่ายไหม ข้อวัตรปฏิบัติก็มาฝึกหัดใจ

เราก็เหมือนกัน เราตั้งสัจจะไว้กับตัวเราเอง ฝึกหัดให้มันเสมอต้นเสมอปลาย ความเสมอต้นเสมอปลาย ดัดนิสัยของตัว ทำดีแล้วทำดีต่อเนื่องๆ กันไป ทำดีของเรา ฝึกหัดบังคับมันๆ เราจะทำของเราต่อเนื่อง...แล้วทำทำไมล่ะ ก็ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา

ก็ได้หัวใจไง ได้หัวใจที่เข้มแข็ง หัวใจที่เข้มแข็งแล้วมันไม่เป็นเหยื่อของคนอื่นไง หัวใจอ่อนแอ ตัวเองว้าเหว่ ลูกๆ อยู่บ้าน “พ่อแม่ไม่รักๆ” มันจะไปคบเพื่อนมันไง มันจะให้คนอื่นหลอกไง นี่บอกว่ามันไม่เห็นได้อะไร...ได้ ได้หัวใจที่กลับมาอยู่ในร่างกายนี้ไง ได้หัวใจที่เป็นอิสระชนไง ได้หัวใจที่เป็นเสรีชนไง ได้หัวใจที่มันไม่ให้คนอื่นข่มขี่ข่มเหงไง ได้หัวใจที่ไม่ให้คนหลอกลวงไง

ไม่มองหัวใจที่มีคุณค่าไง ไปมองโลกามิสไง มองยศถาบรรดาศักดิ์ไง มองข้าวของเงินทองแก้วแหวนเงินทองมีค่า ไม่มองว่าชีวิตมีค่าไง แล้วบอกว่าไม่ได้ เพราะบอกไม่ได้โลกถึงเป็นใหญ่ไง จะเอาตำแหน่งหน้าที่การงานกัน จะเอาแต่สิ่งนั้นเป็นประโยชน์ไง แล้วเหยียบย่ำหัวใจนี้ใช่ไหม เหยียบย่ำหัวใจตัวเองใช่ไหม แล้วบอกว่ามีคุณธรรมๆ คุณธรรมเอามาจากไหน

หามาที่นี่ ประพฤติปฏิบัติที่นี่ ฝึกหัดเอา

ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกพระอานนท์ไว้ “อานนท์ ไม่มีกำมือในเรา” ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบหมดไง แบให้เราค้นคว้า แบให้เราหยิบฉวย พระพุทธศาสนาตั้งแต่ทาน ศีล ภาวนา ถ้าเราทำทาน เราก็ได้บุญกุศลไป เราถือศีล จิตเราก็เป็นปกติ ถ้าเราฝึกหัดปัญญา เกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมา เราจะได้มรรคได้ผล

“ไม่มีกำมือในเรา” แบตลอดเลย ให้พวกเราค้นคว้า หยิบฉวย จับต้องเอาให้ได้ ถ้าเอาได้ขึ้นมาแล้ว เห็นไหม “นรกสวรรค์ไม่มี ทุกอย่างไม่มี” มันจะเงียบเลย เม้มปากเลย พูดไม่ออก พอมันไปรู้ไปเห็นเข้ามันพูดไม่ออก แล้วพอพูดไม่ออก เมื่อก่อนเราไม่เชื่อ แล้วตอนนี้พอเราเห็นเอง เราจะบอกเขา คนอื่นเขาก็ไม่เชื่อเหมือนที่เราไม่เชื่อเมื่อก่อน มันไม่กล้าพูด มันเม้มปากมันไว้ มันบอก “นรกสวรรค์ไม่มี มรรคผลไม่มี” พอมันไปเจอนะ มันจะเม้มปากเลย ไม่พูดให้ใครฟัง เว้นไว้แต่คนที่ปฏิบัติ คนที่ขวนขวายแล้วเขาอยากได้ เขาอยากได้อยากดี

ผู้นำของคน ผู้นำของผู้ที่ชี้นำสำคัญมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาแล้วถึงได้วางธรรมและวินัยนี้ไว้ เวลาพุทธกิจ ๕ เล็งญาณ จิตใจของผู้ใดที่มีโอกาสวาสนาแล้วอายุเขาสั้น เอาคนนั้นก่อนๆ รื้อสัตว์ขนสัตว์ๆ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์ ได้ยสะ ได้ปัญจวัคคีย์ เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด “ภิกษุทั้งหลาย เธอกับเรา ๖๑ องค์ พ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและบ่วงที่เป็นทิพย์”

บ่วงที่เป็นโลกคือโลกามิส บ่วงที่เป็นทิพย์คือทิพย์สมบัติ “เธอทั้งหลายพ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ เธอจงอย่าไปซ้อนทางกัน โลกนี้เร่าร้อนนัก” ในหัวใจทุกดวงใจเร่าร้อนนัก เห็นไหม หน้าชื่นอกตรม โลกเขาเร่าร้อนนัก ผู้ที่พ้นจากบ่วงที่เป็นโลกและเป็นทิพย์ ถ้าไม่ติดในอามิสอะไร เราสามารถจะชี้นำเขาได้ เราสามารถจะเป็นเนื้อนาบุญของเขาได้ เราสามารถจะทำให้จิตใจเขามั่นคงได้ ให้เขากลับมาเป็นเสรีชน เอวัง